“Holloko หมู่บ้านที่เวลาเดินช้าลง” – ย้อนวันวานในฮังการีกลางหุบเขา

“Holloko หมู่บ้านที่เวลาเดินช้าลง” - ย้อนวันวานในฮังการีกลางหุบเขา

มีคนถามหริ่นว่า ถ้าอยากรู้จักฮังการีแบบ "ลึกซึ้งแต่ไม่เร่งรีบ" ควรไปที่ไหน?
หริ่นตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า "Holloko"
หมู่บ้านโบราณที่เหมือนหลุดมาจากนิทานยุโรป ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ "ยังมีชีวิต"

ในบทความต้นฉบับโดย Kathy Carter เธอพาเราย้อนเวลากลับไปในอดีต
ที่ซึ่งบ้านไม้หลังเล็กยังคงมีคนอาศัย ชุดพื้นเมืองยังมีคนใส่จริง และเรื่องเล่าจากอีกาก็ยังอบอวลอยู่ในสายลมเช้าของหมู่บ้าน

ที่นี่ไม่ได้มีแค่กลิ่นอายอดีต แต่ยังเต็มไปด้วยศิลปะ หัตถกรรม ดนตรี และจังหวะชีวิตแบบที่ไม่ต้องเร่งรีบ
ใครกำลังอยากหนีเมือง ไปฟังเสียงอีกาท่ามกลางปราสาทโบราณ แนะนำให้อ่านจนจบค่ะ

ค้นพบหมู่บ้านโบราณ Holloko ในฮังการี
โดย Kathy Carter - ผู้เขียนบทความ

คำว่า "ย้อนเวลากลับไปในอดีต" ถูกใช้บ่อยครั้ง แต่สำหรับหมู่บ้าน Holloko แล้ว ถือว่าเหมาะสมอย่างแท้จริง หมู่บ้านพิเศษแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่มีชีวิตของวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของบรรพบุรุษในยุโรปตอนกลาง เป็นชุมชนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ แสดงถึงชีวิตชนบทก่อนยุคปฏิวัติเกษตรกรรมในศตวรรษที่ 20

หมู่บ้านแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้หลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 1909 ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่เงียบเหงา แต่ยังคงเป็นชุมชนที่มีชีวิต UNESCO ได้อธิบายว่า Holloko เป็นหลักฐานของรูปแบบชีวิตชนบทดั้งเดิมที่แทบจะสูญหายไปแล้ว และยังเป็นภาพสะท้อนของอดีตที่หลายพื้นที่ในยุโรปลืมเลือนไป

การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของชาว Palocz
หมู่บ้าน Holloko เคยถูกไฟไหม้หลายครั้ง เนื่องจากหลังคาของบ้านเป็นฟางและตัวบ้านทำจากไม้ ปัจจุบันยังคงมีบ้านเรือนสไตล์ชาวนาแบบดั้งเดิมจำนวน 55 หลัง ที่ได้รับการคุ้มครองโดย UNESCO บ้านเหล่านี้มีหลังคาทรงจั่วแบบไล่ระดับ มาพร้อมระเบียงไม้ที่แกะสลักลวดลายโปร่งสวยงาม ตัวบ้านประกอบด้วย 3 ห้อง ได้แก่ ห้องครัว ห้องเก็บของ และห้องสะอาด (clean room) โดยจุดเด่นคือระเบียงที่มีหลังคาคลุม

ในปัจจุบัน บ้านเหล่านี้กลายเป็นเวิร์กช็อปหัตถกรรมและบ้านจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านที่มีชีวิตชีวาในช่วงฤดูท่องเที่ยว

ถัดจากหมู่บ้านเก่า จะพบกับ "หมู่บ้านใหม่" ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ แต่ใน Old Holloko วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิม เช่น ชุดพื้นเมืองสีสันสดใส และหัตถกรรมพื้นบ้าน ยังคงได้รับการสืบทอดอย่างมีชีวิตชีวา ที่นี่คือชุมชนที่ UNESCO ปกป้องไว้เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป

ชุมชนมีชีวิตที่เคยผ่านประวัติศาสตร์อันเจ็บปวด
คู่มือท่องเที่ยวเรียก Holloko ว่าเป็น “หมู่บ้านโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างตั้งใจ” การเดินเล่นบนถนนเส้นเดียวของหมู่บ้านเก่าเหมือนการย้อนเวลากลับไปสู่ยุคก่อนการปฏิวัติเกษตรกรรม ที่ซึ่งครอบครัวหลายรุ่นอาศัยอยู่ร่วมกัน และทำเกษตรเพื่อดำรงชีวิต

ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในต้นศตวรรษที่ 20 ยังคงเป็นตำนานเล่าขานของหมู่บ้าน หลายคนบอกว่า บ้านชาวนาที่นี่มีพลังแห่งเสน่ห์ในตัวเอง โดยเฉพาะช่วงรุ่งอรุณที่หมู่บ้านเงียบสงบและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความอ่อนไหว

จากซากปรักหักพังของปราสาท Holloko สมัยศตวรรษที่ 13 จะมองเห็นวิวสวนผลไม้ ไร่องุ่น และหุบเขาแห่งอุทยานแห่งชาติ Bukk ได้อย่างสวยงาม ตามตำนาน เล่าว่าขุนนางได้ลักพาตัวหญิงสาวไปขังไว้ที่ปราสาท แต่พี่เลี้ยงของหญิงสาววางแผนร่วมกับปีศาจ โดยแปลงร่างเป็นอีกาและแอบขนก้อนหินออกจากปราสาทีละก้อน เพื่อปล่อยหญิงสาวและสร้างปราสาท Holloko ขึ้นใหม่บนโขดหินใหญ่ “Holloko” แปลว่า “หินอีกา” และมีประติมากรรมรูปอีกาต้อนรับอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน

สถานที่น่าเที่ยวเมื่อไปเยือน
เทศกาลอีสเตอร์ของ Holloko ซึ่งจัดขึ้นช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน เป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของปี โดยมีพิธีโบราณชื่อ Locsolkodas ที่ชายหนุ่มในหมู่บ้านจะสาดน้ำใส่หญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสีสดใส

มีกิจกรรมมากมาย เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การเต้นระบำฮังกาเรียนแบบดั้งเดิมที่ใช้ทั้งมือและเท้า พร้อมกิจกรรมเกี่ยวกับอีสเตอร์ เช่น การตกแต่งไข่ และการฝึกใช้แส้

หากคุณอยากชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน โรงเรียนเก่า ปราสาทโบราณ และโบสถ์เซนต์มาร์ตินยุคศตวรรษที่ 19 ควรเลือกไปช่วงอื่นที่ไม่ใช่เทศกาล เพราะจะได้ชมแบบสบาย ๆ ยังมีร้านชีสแบบคราฟต์ บ้านทอผ้า Guzsalyas และพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาเล็ก ๆ ที่น่ารัก แนะนำให้ซื้อบัตร Village Walk Ticket ราคา 3,000 ฟอรินต์ฮังการี (ประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ) ที่เว็บไซต์ holloko.hu

ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองที่ Holloko
ในช่วงฤดูท่องเที่ยว จะมีแผงขายอาหารริมถนนจำหน่าย Langallo (ขนมปังแผ่นอบเตาถ่าน), Retes (สตรูเดิลไส้ชีส), Csoroge (แป้งทอด), และ Batyu (ขนมไส้ริคอตต้าหวาน)

ถ้าอยากลองของคาว แนะนำ Parenyica ชีสรมควันรสเค็ม หรือ Gulyas (กูลยาช) ซุปเนื้อรสจัดที่ผสมปาปริกา อุ่นกำลังดีในฤดูหนาว

ถ้าชอบเครื่องดื่ม ลองไวน์หวาน Tokaji Aszu 6 Puttonyos หรือ Tokaji Furmint ไวน์ขาวที่มีกลิ่นคล้ายพายแอปเปิล ส่วนใครกล้าหาญพอ อาจลอง Zwak Unicum เหล้ายาสมุนไพรรสขมจัดสีเข้ม ที่อาจทำให้คุณอยากให้อีกามาช่วยชีวิตตอนเช้า!

วิธีการเดินทาง
หากต้องการพักหรูในบูดาเปสต์ แนะนำโรงแรม The Ritz-Carlton Budapest จากนั้นเช่ารถหรือเรียกแท็กซี่ไปยัง Holloko ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ขับรถผ่านแนวเขา Cserhat ที่งดงามตลอดเส้นทาง

Holloko ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์...แต่มันคือ “ชีวิต”

• บ้านไม้โบราณกว่า 55 หลังยังถูกใช้อยู่จริง งานฝีมือยังมีคนทำ เทศกาลยังจัดเหมือนเดิมไม่มีการปรุงแต่งเพื่อโชว์

เรื่องเล่าของอีกา & หินโบราณ

• ตำนานพื้นบ้านที่แทรกอยู่ในโขดหิน ปราสาท และแม้กระทั่งชื่อหมู่บ้าน ("Holloko" = “หินอีกา”) เติมเสน่ห์ให้การเดินเล่นแบบไม่มี GPS

เทศกาลที่มีชีวิต

• ถ้าไปช่วงอีสเตอร์ จะเห็นการแต่งกายพื้นเมือง การเต้น ดนตรี และวัฒนธรรมที่ “ไม่แช่แข็งอยู่ในพิพิธภัณฑ์”
• ถ้าไปช่วงอื่น ก็จะได้เดินสบาย ๆ ชมพิพิธภัณฑ์ ร้านชีส บ้านทอผ้าแบบอาร์ต ๆ

ของกินคืออ้อมกอดของหมู่บ้านนี้

• จาก Langallo อบเตาถ่าน ไปจนถึงไวน์ Tokaji กลิ่นพายแอปเปิล - ไม่ใช่แค่ของกิน แต่คือรสชาติของความทรงจำ

เดินทางง่าย - บรรยากาศดี - คุ้มทุกกิโลเมตร

• จากบูดาเปสต์ใช้เวลาราว 90 นาที ขับผ่านทิวเขา Cserhat ที่งดงามสบายตา เหมาะทั้งทริปเช้า-เย็นกลับ หรือค้างคืนแบบ slow life

ใครอยากพักสายตาจากเมืองใหญ่ แล้วลองฟังเสียงเงียบของหมู่บ้านที่ UNESCO ยังเลือกเก็บไว้ให้โลก

หริ่นว่า Holloko คือคำตอบที่อบอุ่นที่สุดค่ะ

ติดต่อเราเพื่อจองบริการ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Tel: 083-035-9755
Email: netnapa.seeyouagain@gmail.com
Website: https://www.seeyouagain-europe.com/default.aspx
LINE ID: 004207289999999